สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือที่บางครั้งเรียกว่า เซลล์ต้นกำเนิด คือเซลล์พิเศษในร่างกายที่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นเซลล์ชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ เปรียบเสมือนเซลล์เด็กวัยอ่อนที่ยังไม่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเองได้อย่างไม่จำกัด และเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ประเภทต่าง ๆ ตามที่ร่างกายต้องการเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอหรือเสียหาย พูดง่าย ๆ คือ สเต็มเซลล์เป็นกลไกซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อมีเนื้อเยื่อส่วนใดได้รับบาดเจ็บหรือเสื่อมลง เซลล์ชนิดนี้จะเข้ามาช่วยสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนส่วนที่เสียไป ทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น เป็นตัวช่วยในการ ชะลอวัย สุนัข และ ชะลอวัย แมว
ปัจจุบัน สเต็มเซลล์ที่นิยมนำมาใช้มักเป็น สเต็มเซลล์ตัวเต็มวัย (adult stem cells) เช่น สเต็มเซลล์ชนิดมีเซนไคม์ (Mesenchymal Stem Cells – MSCs) ซึ่งสามารถเก็บได้จากเนื้อเยื่อของสัตว์เลี้ยงเอง ไม่ว่าจะเป็นไขกระดูก ไขมันใต้ผิวหนัง หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ การนำสเต็มเซลล์ของตัวสัตว์เองมาใช้ (เรียกว่า ออโตโลกัส autologous) ช่วยลดโอกาสการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์ (ใช้เซลล์จากผู้บริจาคที่เข้ากันได้) เพื่อให้การรักษานี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในวงการสัตว์เลี้ยงด้วย
สเต็มเซลล์สัตว์เลี้ยงช่วยชะลอวัยได้อย่างไร?
เมื่อสุนัขและแมวอายุมากขึ้น ร่างกายของพวกเขาก็เสื่อมถอยลงคล้ายกับมนุษย์ เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนจึงสนใจแนวทาง ชะลอวัยสุนัข และ ชะลอวัยแมว เพื่อช่วยให้น้องหมาและน้องแมวมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวที่สุด การบำบัดด้วย สเต็มเซลล์สัตว์เลี้ยง เป็นหนึ่งในวิธีใหม่ที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยสเต็มเซลล์จะเข้าไป ซ่อมแซมฟื้นฟูเนื้อเยื่อ, ลดการอักเสบ, และ ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ของสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้กระบวนการเสื่อมตามวัยช้าลงและคุณภาพชีวิตของสัตว์สูงวัยดีขึ้น
โดยสรุปแล้ว ประโยชน์หลัก ๆ ของสเต็มเซลล์ในการชะลอความเสื่อมวัยของสัตว์เลี้ยงมีดังนี้:
- ฟื้นฟูข้อต่อและกระดูกอ่อนที่เสื่อม: ช่วยซ่อมสร้างเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนในข้อใหม่ ลดอาการปวดและข้อยึดที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม
- ส่งเสริมการทำงานของสมอง: ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง ลดปัญหาความจำเสื่อมและภาวะหลงลืมในสุนัขและแมวสูงวัย
- ปรับระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบเรื้อรัง: มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
ฟื้นฟูข้อต่อและกระดูกอ่อนที่เสื่อม
อาการข้อเสื่อมพบได้บ่อยในสุนัขและแมวสูงวัย โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์ใหญ่หรือสัตว์เลี้ยงที่เคยมีอุบัติเหตุข้อต่อมาก่อน เมื่อกระดูกอ่อนที่บุข้อเสื่อมสลายไป กระดูกจะเสียดสีกันทำให้เกิดความเจ็บปวดและการอักเสบเรื้อรัง สเต็มเซลล์สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยการฉีดเข้าไปในข้อที่มีปัญหา เพื่อกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนใหม่มาทดแทนส่วนที่สึกหรอ ส่งผลให้อาการปวดลดลง การเคลื่อนไหวของสัตว์เลี้ยงดีขึ้น และชะลอกระบวนการเสื่อมของข้อต่อลงอย่างเห็นได้ชัด
งานวิจัยทางสัตวแพทย์ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนับสนุนวิธีนี้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาในประเทศออสเตรเลียที่รักษาสุนัขที่เป็นโรคข้อเสื่อมเรื้อรังจำนวน 203 ตัว พบว่าหลังฉีดสเต็มเซลล์ 10 สัปดาห์ สุนัขที่อายุน้อยกว่า 9 ปีมีถึง 90% ที่อาการดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถวิ่งและทำกิจกรรมได้ตามปกติ ขณะที่กลุ่มสุนัขสูงวัยก็มีประมาณ 60% ที่อาการดีขึ้นและเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้นเช่นกัน (มีสุนัขเพียง 12% เท่านั้นที่อาการไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในงานวิจัยนี้) ผลการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่าสเต็มเซลล์จากไขมันสามารถใช้รักษาโรคข้อเสื่อมในสุนัขได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้สัตว์เลี้ยงสูงวัยได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลอ้างอิง https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30050578
นอกจากในสุนัขแล้ว แมวสูงวัยเองก็มักมีปัญหาข้อต่อเสื่อมเช่นกัน (แม้จะสังเกตได้ยากกว่าเพราะแมวมักซ่อนอาการเจ็บปวดเก่ง) การรักษาด้วยสเต็มเซลล์จึงอาจเป็นประโยชน์กับแมวที่มีข้ออักเสบหรือข้อติดขัด ทำให้น้องแมวกลับมาขยับตัวและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงความเหมาะสมในการรักษาเป็นกรณี ๆ ไป เพราะสรีระของแมวอาจตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างจากสุนัขอยู่บ้าง
ส่งเสริมการทำงานของสมองและความจำ
สัตว์เลี้ยงเมื่อเข้าสู่วัยชรา ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่เสื่อมลง สมองก็อาจเสื่อมถอยตามวัย ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าโรคสมองเสื่อมในสัตว์สูงวัย หรือ Cognitive Dysfunction Syndrome (CDS) อาการที่เจ้าของอาจสังเกตได้ เช่น สุนัขหรือแมวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป หลงลืมหรือสับสนง่าย ไม่ตอบสนองต่อชื่อที่เรียก เดินวนหรือจ้องผนัง เป็นต้น (อาการคล้ายกับโรคอัลไซเมอร์ในคน) แม้โรคสมองเสื่อมในสัตว์เลี้ยงจะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่การรักษาด้วยสเต็มเซลล์กำลังถูกศึกษาว่าอาจช่วย ฟื้นฟูเซลล์ประสาทและชะลอความเสื่อมของสมอง ได้
มีงานวิจัยนำร่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น การทดลองที่นำ เซลล์ต้นกำเนิดประสาท (สเต็มเซลล์ที่พัฒนาไปเป็นเซลล์สมอง) จากผิวหนังของสุนัข มาฉีดเข้าสู่สมองส่วนฮิปโปแคมปัสของสุนัขสูงวัย (ช่วงอายุ 10–16 ปี) ที่มีภาวะสมองเสื่อม พบว่าหลังการรักษา คะแนนการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจของสุนัขดีขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนรักษา และยังตรวจพบการเพิ่มขึ้นของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท (synapses) ในสมองด้วย ผลลัพธ์นี้บ่งชี้ว่าสเต็มเซลล์อาจช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเครือข่ายเซลล์ประสาท ทำให้สมองของสัตว์เลี้ยงสูงวัยทำงานได้ดีขึ้น มีความจำและการรับรู้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าการศึกษานี้จะมีขนาดเล็ก (ทดลองในสุนัขเพียง 6 ตัว) แต่ก็ถือเป็น สัญญาณที่มีความหวัง ว่าสเต็มเซลล์อาจมีบทบาทในการรักษาหรือชะลอโรคสมองเสื่อมในสัตว์เลี้ยงในอนาคต นอกจากนี้ นักวิจัยบางส่วนยังกำลังสำรวจว่า การให้สเต็มเซลล์ทางหลอดเลือด กับสัตว์เลี้ยงสูงวัย อาจช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดในสมอง ลดการอักเสบในระบบประสาท และส่งผลดีต่อความจำและการเรียนรู้ได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาในวงกว้างและในแมวเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิผลและความปลอดภัยในระยะยาวของวิธีนี้
ข้อมูลอ้างอิง https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10417747
ปรับสมดุลภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบเรื้อรัง
อีกปัญหาหนึ่งที่มาพร้อมกับความชราในสัตว์เลี้ยงคือ ระบบภูมิคุ้มกันที่ถดถอยลง และการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น สัตว์เลี้ยงอาจติดเชื้อง่ายขึ้น หรือมีโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง ข้ออักเสบ ภูมิคุ้มกันทำลายตนเองบางชนิด เป็นต้น คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของสเต็มเซลล์ (โดยเฉพาะ MSCs) คือมันมีฤทธิ์ ต้านการอักเสบ และ ปรับการทำงานของภูมิคุ้มกันให้สมดุล ไม่ให้ร่างกายมีปฏิกิริยามากหรือน้อยเกินไป ด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงมองว่าสเต็มเซลล์เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันและการอักเสบเรื้อรังในสัตว์เลี้ยง
ผลการศึกษาหลายชิ้นสนับสนุนบทบาทนี้ของสเต็มเซลล์ ตัวอย่างเช่น งานวิจัยรีวิวหนึ่งสรุปว่า เมเซนไคม์สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติปรับภูมิคุ้มกันได้อย่างโดดเด่น และถูกนำมาทดลองใช้รักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองในสัตว์เลี้ยงหลายโรค เช่น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ในสุนัข, โรคเหงือกและช่องปากอักเสบเรื้อรังในแมว, โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง, และ โรคหอบหืดในแมว เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าสเต็มเซลล์ช่วยบรรเทาอาการของโรคเหล่านี้ได้ และในบางกรณีอาจทำให้โรคทุเลาลงจนเกือบหายขาดเลยทีเดียว (ยกเว้นในรายของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้บางกรณีที่ตอบสนองได้น้อย) ซึ่งแสดงถึงศักยภาพอันมากมายของสเต็มเซลล์ในการเสริมการรักษาโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันในสัตว์เลี้ยง
สำหรับสัตว์เลี้ยงสูงวัยที่ไม่ได้มีโรคภูมิคุ้มกันเฉพาะเจาะจง การได้รับสเต็มเซลล์อาจช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันโดยรวม ทำให้ร่างกายเขาแข็งแรงขึ้นและตอบสนองต่อการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น นอกจากนี้การลดระดับการอักเสบเรื้อรังในร่างกายยังเชื่อมโยงกับการชะลอความเสื่อมชราของอวัยวะต่าง ๆ ด้วย เพราะภาวะอักเสบเรื้อรัง (inflammaging) ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เร่งให้เกิดความชรา ดังนั้นการใช้สเต็มเซลล์เพื่อลดการอักเสบก็เท่ากับเป็นการชะลอกระบวนการชราในระดับเซลล์ของสัตว์เลี้ยงไปพร้อมกัน
สเต็มเซลล์ = ความหวังใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์เลี้ยงสูงวัย
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า สเต็มเซลล์เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพของสุนัขและแมว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมข้อต่อที่เสื่อม ลดอาการเจ็บปวดของโรคข้ออักเสบ กระตุ้นการทำงานของสมองให้ดีขึ้นในสัตว์เลี้ยงที่เริ่มมีอายุมาก หรือการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสมดุลเพื่อต่อสู้กับโรคเรื้อรังต่าง ๆ ผลการวิจัยในปัจจุบันระบุว่าการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์นั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงในสัตว์เลี้ยง และพบ ผลลัพธ์เชิงบวกในการรักษาโรคเสื่อมตามวัยหลายประเภท โดยมีผลข้างเคียงน้อยมากเมื่อเทียบกับการรักษาแบบเดิม เจ้าสี่ขาของเราจึงมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขมากขึ้น
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีในปัจจุบัน เราสามารถกล่าวได้ว่าสเต็มเซลล์คือความหวังใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับการดูแลสุขภาพน้องหมาและน้องแมวให้แก่ชราอย่างมีสุขภาพดี หากพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปในอนาคต เราอาจได้เห็นสัตว์เลี้ยงของเรามีอายุยืนยาวขึ้นพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงสมวัย
ถ้าคุณรักน้องหมา น้องแมว และอยากให้พวกเขามีสุขภาพดีไปนานๆ ลองปรึกษาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสเต็มเซลล์กับทางคลินิกเราได้ตลอดเลยนะครับ