
แมวเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมสุขุมและมักไม่แสดงอาการเจ็บป่วยให้เห็นง่ายๆ แต่โรคหนึ่งที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในแมวอายุมากคือ “โรคไต” ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการทำงานของไตลดลง ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยกรองของเสียออกจากเลือด ควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย และสร้างฮอร์โมนบางชนิด เมื่อไตเริ่มเสื่อมตามวัย หรือเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีนิ่วมาอุดตัน ก็จะส่งผลให้ร่างกายสะสมของเสียไว้มากขึ้น โดยเฉพาะของเสียจากการเผาผลาญโปรตีน เช่น ยูเรียและครีอะตินีน ทำให้แมวเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร อาเจียน น้ำหนักลด ขนหยาบ และอาจถึงขั้นมีอาการทางระบบประสาท เช่น เดินเซ หงุดหงิด
โรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่จะพัฒนาอย่างช้าๆ จึงยากต่อการสังเกตเห็น และเมื่อเจ้าของพาแมวไปหาสัตวแพทย์ อาการมักจะอยู่ในระยะลุกลามแล้ว ยิ่งไตเสียหายมากเท่าไร โอกาสฟื้นฟูก็ยิ่งน้อยลง การดูแลจึงต้องเน้นการชะลอการเสื่อมของไตให้นานที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร การให้น้ำอย่างเพียงพอ หรือการใช้ยาเพื่อลดอาการต่างๆ แต่สิ่งที่กำลังเป็นความหวังใหม่ของการรักษาโรคไตในแมว คือ “สเต็มเซลล์” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่บรรเทาอาการ แต่ยังมีศักยภาพในการฟื้นฟูไตให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น

สัญญาณเตือนที่เจ้าของแมวไม่ควรมองข้าม
แมวที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือปัสสาวะ อาจเริ่มจากอาการเล็กน้อย เช่น ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ปัสสาวะแล้วเหมือนเจ็บ หรือเริ่มเลียอวัยวะเพศบ่อย อาการเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคไตเรื้อรัง (ที่พบมากในแมวสูงวัย) หรือท่อปัสสาวะอุดตันซึ่งพบได้บ่อยในแมวเพศผู้ หากปล่อยไว้อาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นจนวายได้ การสังเกตอาการเบื้องต้นและพาไปพบสัตวแพทย์ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ หรือตรวจอัลตราซาวด์ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลแมวอย่างเข้าใจ
สเต็มเซลล์ช่วยรักษาอย่างไร? ทางเลิอกในการฟื้นฟูไตและระบบทางเดินปัสสาวะของแมว
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “สเต็มเซลล์” ในวงการแพทย์มนุษย์มาก่อน แต่ตอนนี้สัตวแพทย์ก็เริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับสัตว์เลี้ยงเช่นกัน โดยเฉพาะแมวที่มีปัญหาโรคไตและระบบทางเดินปัสสาวะ สเต็มเซลล์ที่นำมาใช้งาน สกัดจากเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose-derived stem cells) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ และมีความสามารถในการลดการอักเสบ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย และกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับแมวที่ไตเริ่มเสื่อม หรือระบบปัสสาวะมีการอักเสบเรื้อรัง
กระบวนการรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้นไม่เจ็บปวด โดยจะใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือดหรือเข้าเฉพาะจุดที่ต้องการฟื้นฟู ซึ่งแมวส่วนใหญ่ตอบสนองดีในระยะ 1–2 เดือนหลังการรักษา อาการเบื่ออาหาร ลดน้ำหนัก หรืออาเจียนก็มักจะดีขึ้น และผลวิจัยเลือดที่สะท้อนการทำงานของไตก็ดีขึ้นอย่างมีความสำคัญ บางรายที่เคยต้องให้น้ำเกลือบ่อยๆ ก็สามารถลดจำนวนครั้งลงได้มาก หรือไม่ต้องพึ่งการใช้น้ำเกลืออีกเลยหากตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
การใช้สเต็มเซลล์เป็นทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาแบบเดิมๆ ที่เป็นเพียงการประคับประคองอาการ หลายแห่งในไทยเริ่มมีบริการนี้แล้ว และมีงานวิจัยรองรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากคุณเป็นคนรักแมวและอยากให้เขามีชีวิตที่มีคุณภาพยาวนานขึ้น การพาแมวเข้ารับการประเมินจากคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของเขา














