โรคโลหิตจาง คืออะไร?
โรคโลหิตจาง (Anemia) หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ภาวะซีด” เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของสุนัขมีจำนวนเม็ดเลือดแดง หรือมีความเข้มข้นของฮีโมโกลบิน (โปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่จับกับออกซิเจน) ลดน้อยลงกว่าปกติ ทำให้การขนส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายล้มเหลว อวัยวะจึงเริ่มขาดพลังงานและทำงานผิดเพี้ยนไป
สังเกตออาการย่างไร? สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
อาการของโรคโลหิตจางในสุนัขอาจแสดงออกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของโรค แต่นี่คือสัญญาณเตือนสำคัญที่ควรสังเกต
- เหงือกและเปลือกตาซีด จากที่เคยเป็นสีชมพูสดใส กลับกลายเป็นสีชมพูอ่อนหรือขาวซีด นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง สุนัขจะดูเหนื่อยง่าย ไม่ร่าเริงเหมือนเคย นอนมากขึ้น ไม่ค่อยอยากเล่นหรือทำกิจกรรม
- หายใจเร็วและหอบ เมื่อร่างกายขาดออกซิเจน หัวใจและปอดต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชย
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นผลสืบเนื่องมาจากความอ่อนเพลียและการทำงานที่ผิดปกติของร่างกาย
- อาจพบปัสสาวะสีเข้ม หรือมีภาวะดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาเหลือง) ในบางกรณีที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลายอย่างรุนแรง

สาเหตุของโรคโลหิตจาง ศัตรูตัวร้ายมาจากไหน?
โรคโลหิตจางในสุนัขไม่ได้เกิดขึ้นเองเฉยๆ แต่มีสาเหตุการเกิดโรคโลหิตจางอยู่เสมอ โดยเราสามารถแบ่งสาเหตุหลักๆ ได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
- การเสียเลือด (Blood Loss) เกิดได้ทั้งการเสียเลือดแบบเฉียบพลันจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือมีเลือดออกภายในร่างกายของสุนัขซึ่งเรามองไม่เห็น และการเสียเลือดแบบเรื้อรังทีละน้อย เช่น มีพยาธิในลำไส้จำนวนมาก หรือมีเนื้องอกในทางเดินอาหาร และที่สำคัญที่สุดคือ การโดนเห็บหมัดกัด ซึ่งเป็นพาหะนำโรคพยาธิในเม็ดเลือดที่ทำให้สุนัขเสียเลือดเรื้อรัง
- การที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย (Hemolysis)
- พยาธิในเม็ดเลือด เกิดจากเชื้อโรคที่มากับเห็บจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดงโดยตรง
- ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Immune-Mediated Hemolytic Anemia – IMHA)
เป็นภาวะที่น่ากลัวมาก โดยระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขเกิดความสับสนและหันมาโจมตีเม็ดเลือดแดงของตัวเอง - สารพิษ การได้รับสารพิษบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม หรือยาบางชนิดเกินขนาด
- การสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง (Decreased Red Blood Cell Production)
ปัญหาเกิดจาก “โรงงานผลิต” หรือไขกระดูกไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้เพียงพอ อาจเกิดจากโรคไตเรื้อรัง (ขาดฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด), โรคมะเร็ง, การติดเชื้อบางชนิด หรือการขาดสารอาหารที่จำเป็น
สเต็มเซลล์ทำงานอย่างไร? แล้วช่วยในด้านใดบ้าง?
“สเต็มเซลล์” หรือเซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์พิเศษของร่างกายที่มีความสามารถในการพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ และที่สำคัญคือ มีความสามารถในการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน (Immunomodulation) ในการรักษาภาวะ IMHA สัตวแพทย์จะใช้ Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ซึ่งมักเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน หรือเนื้อเยื่อจากสายสะดือของสัตว์แข็งแรงตัวอื่น (Allogeneic) มาผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงให้ได้จำนวนที่เหมาะสม แล้วจึงให้กลับเข้าไปในร่างกายของสุนัขที่ป่วยผ่านทางหลอดเลือดดำเมื่อสเต็มเซลล์เข้าสู่ร่างกาย มันจะเดินทางไปยังบริเวณที่มีการอักเสบโดยสเต็มเซลล์จะช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่เม็ดเลือดแดงแตกหรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติแล้วยังสามารถลดการพึ่งพายากดภูมิคุ้มกันการใช้สเต็มเซลล์ร่วมรักษา อาจช่วยให้สุนัขตอบสนองต่อการรักษาดีขึ้น ลดปริมาณและระยะเวลาการใช้ยากดภูมิคุ้มกันลงได้ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยาในระยะยาว